วันศุกร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2560





ที่มาของรูปภาพ https://edhubthai.files.wordpress.com/2012/11/ban2.png
 
                  โครงการพัฒนาประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการศึกษาในภูมิภาค (Education Hub) ซึ่งเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาศักยภาพโรงเรียนในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ที่มีความพร้อมในการบริหารจัดการ และการเรียนการสอนให้มีมาตรฐานในระดับสากล เพื่อรองรับนักเรียนต่างชาติ และพัฒนาสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาในภูมิภาคแล้วจำนวน 14 โรงเรียน สำหรับรูปแบบการดำเนินการนั้น สพฐ.ได้จัดทำรูปแบบโรงเรียนโดยวิเคราะห์จากบริบทและความต้องการของแต่ละพื้นที่ และโรงเรียน ได้ 3 รูปแบบ ได้แก่ โรงเรียนที่ใช้หลักสูตรจากต่างประเทศ โรงเรียนที่ใช้หลักสูตรพหุภาษา และโรงเรียนวิทย์-คณิต สองภาษา สนับสนุนสื่อการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับรูปแบบและหลักสูตร พัฒนาผู้บริหาร ครู และบุคลากร ให้สามารถบริหารจัดการแบบองค์กรสมัยใหม่ และจัดการเรียนการสอนได้ตามมาตรฐานสากล ซึ่งรายชื่อโรงเรียนที่มีความพร้อมและผ่านการคัดเลือกเข้าโครงการนี้ ประกอบด้วย
โรงเรียนที่อยู่ในเขตพื้นที่ที่มีชาวต่างชาติเข้ามาปฏิบัติงานในประเทศไทย ได้แก่
  1. โรงเรียนโยธินบูรณะ กรุงเทพมหานคร
  2. โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่
  3. โรงเรียนสตรีภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต
  4. โรงเรียนโพธิสัมพันธ์พิทยาคาร จังหวัดชลบุรี
โรงเรียนที่ตั้งอยู่ในเขตชายแดนไทยติดต่อกับประเทศ เพื่อนบ้าน ได้แก่
  1. โรงเรียนแม่สายประสิทธิ์ศาสตร์ จังหวัดเชียงราย
  2. โรงเรียนสรรพวิทยาคม จังหวัดตาก
  3. โรงเรียนนารีนุกูล จังหวัดอุบลราชธานี
  4. โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร จังหวัดหนองคาย
  5. โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย มุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร
  6. โรงเรียนประสาทวิทยาคาร จังหวัดสุรินทร์
  7. โรงเรียนกันทรลักษณ์วิทยา จังหวัดศรีสะเกษ
  8. โรงเรียนพิชัยรัตนาคาร จังหวัดระนอง
  9. โรงเรียนหาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ จังหวัดสงขลา
  10. โรงเรียนจุฬาภรณราชิทยาลัย สตูล จังหวัดสตูล
     
 
ห้องเรียนพิเศษโครงการ Education Hub
          ห้องเรียนพิเศษโครงการพัฒนาประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการศึกษาในภูมิภาค (Education Hub)
มีเป้าหมายเพื่อเตรียมความพร้อมของบุคคลเพื่อก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน การเติบโตด้านการศึกษาในประเทศไทยนั้น มีจำนวนโรงเรียนและมหาวิทยาลัยที่เปิดหลักสูตรนานาชาติกว่า 160 แห่ง จำนวนนักเรียนมากกว่า 70,000 คน เป็นนักเรียนต่างชาติกว่า 20,000 คน ในขณะเดียวกันนักเรียนไทยที่เดินทางไปเรียนในต่างประเทศก็มีจำนวนมาก การพัฒนาโรงเรียนในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานให้มีมาตรฐานระดับนานาชาติเพิ่มมากขึ้น จะทำให้นักเรียนไทยที่เดินทางไปเรียนต่างประเทศมีจำนวนลดลง อีกทั้งยังเป็นการสร้างการยอมรับให้นักเรียนในภูมิภาคอาเซียนและประเทศอื่นๆ ให้เข้ามาศึกษาในประเทศไทยเพิ่มขึ้น อันส่งผลให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่การเป็นศูนย์กลางการศึกษาของภูมอภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (Education Hup)
          โรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีโรงเรียนนำร่องไปแล้ว 14 โรงเรียน การเลือกรูปแบบการจัดหลักสูตรของโรงเรียน แบ่งออกเป็น 3 รูปแบบ คือ โปรแกรมนานาชาติ โปรแกรมพหุภาษา และโปรแกรมวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์สองภาษา
กระทรวงศึกษาธิการกำหนดคุณลักษณะของนักเรียนในโครงการ Education Hub จำนวน 5 ด้าน คือ 1. Study skills 2. Morality 3. Attitude 4. Responsibility และ 5. Technology โดยใช้คำย่อว่า   S M A R T
S : Study Skills ประกอบด้วย คุณลักษณะของนักเรียน 6 ด้าน ดังนี้
      ด้านที่ 1 ความสามารถในการสร้างและพัฒนานวัตกรรม (Innovation)
      ด้านที่ 2 ความสามารถในการสื่อสาร (Communication)
      ด้านที่ 3 ทักษะการแสวงหาความรู้ (Enquiry)
      ด้านที่ 4 การคิดอย่างมีวิจารณญาณ (Critical Thinking)
      ด้านที่ 5 ความยืดหยุ่น (Resilience)
      ด้านที่ 6 การจัดการเรียนรู้ด้วยตนเอง (Autonomous Learning)

M : Morality ประกอบด้วย คุณลักษณะของนักเรียน 4 ด้าน ดังนี้
      ด้านที่ 1 การให้เกียรติ (Respect)
      ด้านที่ 2 ความกตัญญู (Gratitude)
      ด้านที่ 3 ความมีระเบียบวินัย (Discipline)
      ด้านที่ 4 ความจงรักภักดี (Loyalty)

 
A : Attitude ประกอบด้วย คุณลักษณะของนักเรียน 4 ด้าน ดังนี้
      ด้านที่ 1 การคิดในแง่บวก (Positive Thinking)
      ด้านที่ 2 การมีจิตสาธารณะ (Service-Mindedness)
      ด้านที่ 3 ความตระหนักในความเป็นพลเมืองในประชาคมอาเซียน (ASEAN Awareness)
      ด้านที่ 4 ความตระหนักในความเป็นพลเมืองโลก (Global Awareness)







 
R : Responsibility ประกอบด้วย คุณลักษณะของนักเรียน 2 ด้าน ดังนี้
     ด้านที่ 1 ความร่วมมือ (Cooperation)
     ด้านที่ 2 ความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง (Accountability)

T : Technology ประกอบด้วย คุณลักษณะของนักเรียน 2 ด้าน ดังนี้
    ด้านที่ 1 การใช้เทคโนโลยี (Using Technology Creatively)
    ด้านที่ 2 การพัฒนาเทคโนโลยี (Developments in Technology)

          สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานมีแนวคิดและหลักการประเมินคุณลักษณะของนักเรียนในโครงการ Education Hup โดยมุ่งเน้นคุณภาพนักเรียนเป็นหลัก เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าผู้เรียนในโครงการ Education Hup จะเป็นผู้มีสมรรถนะ พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง แข่งขันได้ และสามารถทำงานในระดับสากล ด้วยคุณลักษณะของผู้เรียนแบบ S M A R T  โดยกำหนดจำนวนนักเรียนต่อห้องเรียน ห้องละ 25-30 คน
การเก็บค่าใช้จ่าย
1.      ห้องเรียนพิเศษโปรแกรมนานาชาติ (International Program : IP)
-          ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ไม่เกินคนละ 150,000 บาท/ภาคเรียน
-          ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ไม่เกินคนละ 150,000 บาท/ภาคเรียน
2.      ห้องเรียนพิเศษโปรแกรมพหุภาษา (Multilingual Program : MP)
-          ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ไม่เกินคนละ 40,000 บาท/ภาคเรียน
-          ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ไม่เกินคนละ 50,000 บาท/ภาคเรียน
3.      ห้องเรียนพิเศษโปรแกรมวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ (Science-Maths Bilingual Program: SMBP)
-          ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ไม่เกินคนละ 35,000 บาท/ภาคเรียน
-          ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ไม่เกินคนละ 40,000 บาท/ภาคเรียน
 ที่มา : แนวทางการดำเนินงาน ห้องเรียนพิเศษโครงการ Education Hup สำนักงานบริหารงานการมัธยมศึกษาตอนปลาย สพฐ. กระทรวงศึกษาธิการ By.  ดร.อัจฉรา ไชยสี ขูรีรัง 
 
http://www.obec.go.th/sites/obec.go.th/files/document/attachment/28686/310951.pdf ดูรายชื่อโรงเรียน Education Hub